|
|
|
?????? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | วันที่: 09/07/2006 @ 13:38:10 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต **อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง ผวาการเมืองวุ่นปี50กระทบหนัก [/color:35902df241">[/size:35902df241">
ในสถานการณ์ที่ยังคงไร้รัฐบาล ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจ-ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบความเชื่อมั่น
ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายราย ต้องหันมาทบทวนแผนลงทุนด้วยการ... ถอยตั้งหลักใหม่
รอดูทีท่าก่อนตัดสินใจ พร้อมยอมรับว่าปี 2549 นี้ ยอดขายอาจทำไม่ได้ตามเป้า
และหาก 6 เดือนที่เหลือสถานการณ์ไม่คลี่คลาย ภาพรวมอสังหาฯในปี 2550 กระทบหนักแน่
ความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และนอกตลาดหลักทรัพย์
รวมทั้งบริษัทรับบริหารงานขาย-การตลาดอสังหาริมทรัพย์ ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า
ยอดขายบ้านชะลอตัว ยอดขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านของลูกค้าไม่ผ่านแบงก์
ทำให้เกิดผลพวงตามมา คือ ชะลอการขึ้นโครงการใหม่ ยืดระยะเวลาการก่อสร้าง
จากเดิมที่เคยทำสัญญาไว้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง 6-8 เดือนก็ขยายเป็น 10-12 เดือน
ขณะเดียวกันอาจมีการปรับแผน ลงมือสร้างเฉพาะหน่วยหรือแปลงที่ลูกค้าซื้อไปแล้ว
ต่างจากเดิมที่จะปูพรมก่อสร้างไปครั้งละมากๆ
ที่สำคัญบางบริษัท มีแผนจะปรับขนาดขององค์กร ปรับลดพนักงานลงด้วย
เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด เพื่อรักษาธุรกิจไว้ให้ได้
เนื่องจากทุกคนต่างไม่มั่นใจว่า ปี 2550 จะเกิดอะไรขึ้น
|
| กลับขึ้นบน |
จันทรา สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | #1 วันที่: 09/07/2006 @ 13:42:10 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง... มาสเตอร์กรุ๊ป..รอจังหวะลงทุน ..
ธนวร นิยม อดีตผู้บริหารจีเอฟ ซึ่งปัจจุบันเป็น ประธานที่ปรึกษากลุ่ม มาสเตอร์ กรุ๊ป ระบุว่า
ความเสี่ยงจากปัจจัยลบต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังมากขึ้นในการลงทุน
ซึ่งตามแผนมาสเตอร์ กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าจะลงทุนโครงการใหม่ 1-2 โครงการ
โดยอยู่ระหว่างศึกษาในรายละเอียดการลงทุนโครงการบ้านจัดสรรย่าน รังสิตคลอง 2
ขนาดเนื้อที่ 40 ไร่เศษ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 100 กว่าตารางเมตร
ขายราคา 1-2 ล้านบาท รวมมูลค่า 300-400 ล้านบาท
เราจะค่อยๆ ลงทุน ดูทุกอย่างให้มั่นใจ 100% แต่ไม่ได้จริงๆ ความชัวร์ 70% ก็พอรับได้
เพราะการทำธุรกิจบางครั้งไม่อาจรอให้มั่นใจเต็มร้อยได้เสมอไป
ธุรกิจต้องเดินหน้า แต่จะเดินอย่างไรให้ความเสี่ยงน้อยที่สุด ธนวร กล่าว
มาสเตอร์ กรุ๊ป ถือว่าโชคดี มีพันธมิตรทั้ง ฮาริสัน ที่รับบริหารงานขาย-การตลาด
และธนาคาร เช่น กรุงไทย นครหลวงไทย และเงินทุนแอดวานซ์ ซึ่งพันธมิตรเหล่านี้พร้อมให้ความเหลือ
ธนาคารเองมีแอสเสทในมือที่ต้องการคนช่วยนำออกมาพัฒนาสร้างมูลค่า
มาสเตอร์ กรุ๊ป พร้อมจะเข้าไปดำเนินการ ด้วยการซื้อทรัพย์จากแบงก์มาพัฒนาต่อ
หรือร่วมมือกับเจ้าของที่ดิน นำออกมาพัฒนา
ส่วนรูปแบบการลงทุน มาสเตอร์ กรุ๊ป จะรับหน้าที่เป็นผู้บริหาร
ซึ่งที่ผ่านมาได้นำที่ดินเปล่าของ บริษัท รังสิยา อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด
ย่านศรีนครินทร์ เนื้อที่กว่า 9 ไร่ ออกมาพัฒนาโดยปรับรูปแบบขนาดที่ดินให้เล็กลง
เหมาะกับสภาพตลาด ดำเนินการภายใต้ชื่อ มาสเตอร์ ไพรเวท ศรีนครินทร์ |
| กลับขึ้นบน |
จันทรา สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | #2 วันที่: 09/07/2006 @ 13:47:27 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง... นอกจากนี้ มาสเตอร์ กรุ๊ป ยังมีโครงการที่ดำเนินการอยู่อีก 3 โครงการ คือ
1.โครงการ เดอะมาสเตอร์ เซ็นเธรี่ยม มูลค่าโครงการรวม 800 ล้านบาท
เป็นคอนโดมิเนียมหรู ย่านอโศก-สุขุมวิท พื้นที่เกือบ 2 ไร่
โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท โกรว์อิง อินฟินิตี้
มีแหล่งเงินทุนจากธนาคารกรุงไทย รูปแบบของโครงการเน้นความเป็นส่วนตัว
จำนวนห้อง 79 ยูนิต ขนาด 53-455 ตารางเมตร
ราคาขายอยู่ระหว่าง 3.5-30 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 70,000 บาทต่อตารางเมตร
เป็นระดับราคาที่ใกล้เคียงกับโครงการ ซิตี้ รีสอร์ท ที่ซอยอโศก 11
จำนวน 150 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 42%
2.โครงการ เดอะมาสเตอร์สาทร เอ็กเซ็กคิวทีฟ
ดำเนินการภายใต้ บริษัท นีโอ แคปปิตอล จำกัด ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่
พัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 199 ยูนิต มูลค่าเกือบ 700 ล้านบาท
ปัจจุบันขายเกือบหมดแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า
3.โครงการ เดอะมาสเตอร์ มณฑธารา
ดำเนินการภายใต้ บริษัท เพาเวอร์พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
พัฒนาบนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 214 ยูนิต
มูลค่ารวมเกือบ 700 ล้านบาท มียอดขายกว่า 42% และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
4.โครงการ เดอะ มาสเตอร์ รอยัล สวนหลวง ร.9
ดำเนินการภายใต้ บริษัท แคปปิตอล ทาวน์ จำกัด พัฒนาบนเนื้อที่ 12 ไร่
พัฒนาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ชั้น จำนวน 200 ยูนิต ปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 60-70 ยูนิต
เหตุผลที่ต้องแยกบริษัทดูแลแต่ละโครงการ ธนวร กล่าวว่า
เพื่อความคล่องตัวในการบริหารกิจการ และง่ายต่อการทำธุรกิจ
ซึ่งแต่ละแบรนด์ จะมีการทำโครงการที่แตกต่างกัน
กำหนดราคาสินค้ารองรับกลุ่มลูกค้าแต่ละพื้นที่ เช่น โครงการที่อโศก มีราคาแพงที่สุด
รองลงมาเป็นโครงการย่านพระราม 3 ย่านสาทร และสวนหลวง
ทั้งนี้ หากต้องพัฒนาโครงการใหม่ จะมีการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาดูแล
แต่จะเน้นส่งเสริมการใช้แบรนด์ เดอะ มาสเตอร์
เพื่อผลักดันให้เป็นตราสินค้า และสร้างชื่อให้ประชาชนรู้จักมากขึ้น
ปัจจุบันกลุ่มมาสเตอร์ กรุ๊ป มีสินทรัพย์ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ปีนี้หลายๆ บริษัทคงเอาตัวรอดได้ในแง่ยอดขาย ส่วนกำไรคงต้องลดลง
ส่วนปีหน้าเป็นเรื่องยากที่จะระบุได้ชัดว่า อสังหาฯจะเป็นอย่างไร
แต่ก็เชื่อว่าทุกๆ บริษัทจะต้องทำงานหนัก เพื่อหาทางรักษาผลประกอบการไว้... ธนวร กล่าว |
| กลับขึ้นบน |
จันทรา สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | #3 วันที่: 09/07/2006 @ 13:53:09 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง... คำกล่าวนี้สอดคล้องกับ ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด(มหาชน) ที่ระบุว่า
ปริญสิริปรับแผนเลื่อนเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท
เพราะมองว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ได้รับผลกระทบ ทั้งจากการเมือง
ภาพรวมเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ
ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2549 ปริญสิริต้องเลื่อนการเปิดตัวโครงการออกไปอีกทุกไตรมาส
จากแผนเปิดตัวใหม่ทั้ง 2 ส่วนคือ จากปริญสิริ
และบริษัทร่วมทุนคือ ปริญเวนเจอร์ 12 โครงการ มูลค่ารวม กว่า 8,000 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญของการเลื่อนเปิดโครงการมาจาก ปัญหาความไม่นิ่งของการเมือง
การชะลอตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และภาวะอัตราดอกเบี้ย
ที่บริษัทต้องนำมาพิจารณาวางแผนผลิตสินค้า
ในระดับราคาที่ตรงกับกำลังซื้อ และต้องจัดเตรียมหาสถาบันการเงินไว้รองรับ
นอกจากการเลื่อนการเปิดโครงการแล้ว
บริษัทยังชะลอแผนร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ หลังเศรษฐกิจส่อแววไม่ดี
ซึ่งมีผลต่อการกำลังซื้อของประชาชนด้วย
ปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เอื้อทำให้บริษัทไม่มีแผนระดมเงินเพิ่ม
รวมทั้งชะลอแผนจัดซื้อ ที่ดินใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ด้วย
นอกจากนี้ ยังปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ โดยหันมาสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย 100%
พร้อมดึงแบงก์ร่วมเป็นพันธมิตร จัดแพ็คเกจการเงินมากระตุ้นกำลังซื้อ
โดยบริษัทมีบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
เพื่อนำเข้าแพ็คเกจการเงินได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2549 นี้อีก 50 หน่วย
ส่วนรายละเอียดแพ็คเกจอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ
การยืดเวลาการชำระเงินค่างวด โดยแบงก์ที่พร้อมสนับสนุนแคมเปญ
ประกอบด้วย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กสิกรไทย
โครงการที่เลื่อนเปิดตัว ได้แก่ โครงการของบริษัทปริญสิริ ที่จะเปิดไตรมาส 2 ปีนี้
6 โครงการจำนวน 1,698 หน่วยมูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท
ได้เลื่อนเปิด 3 โครงการ จากไตรมาส 2 เป็นไตรมาส 3
และอีก 3 โครงการที่จะเปิดตัวไตรมาส 3 ต้องเลื่อนเป็นไตรมาส 4 ได้แก่
โครงการปริญญดา พุทธมณฑล สาย 2 บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 87 ยูนิต มูลค่า 699 ล้านบาท,
โครงการ ปริญญดา เกษตร-นวมินทร์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 160 ยูนิต มูลค่า 872 ล้าน บาท
และโครงการปริญลักษณ์ วงแหวน-สาทร 135 ยูนิต มูลค่า 418 ล้านบาท
โครงการที่จะเปิดในไตรมาส 4 อาจต้องเลื่อนไปไตรมาส 1 ปี 2550 ได้แก่
โครงการ เอกชัย -บางบอน ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 202 ยูนิต มูลค่า 691 ล้านบาท,
ปริญลักษณ์ เพชรเกษม -บางบอน 3 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 257 ยูนิต มูลค่า 824 ล้านบาท,
คอนโดมิเนียม ราชปรารภ 3 อาคารสูง 33 ชั้น 547 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท,
คอนโดฯ ถ.จันทร์- นราธิวาส 300 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเลื่อนเปิดโครงการในบริษัทร่วมทุน คือ ปริญเวนเจอร์ ที่ปริญสิริ ถือหุ้น 51%
มี 5 โครงการที่เดิมจะเปิดในไตรมาส2 ต้องเลื่อนไปเปิดไตรมาส 3-4
และ ไตรมาส 1 ปี 2550 812 ยูนิต มูลค่ากว่า 2,460 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปี 2549 นี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้า 3,000 ล้านบาท
เนื่องจากมียอดขายบ้านที่รอส่งมอบให้ลูกค้า 2,500 ล้านบาท
ได้โอนและส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว 1,000 ล้านบาท
ที่เหลือ 1,500 ล้านบาทจะส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ที่เหลือยอดรับรู้รายได้อีก 500 ล้านบาทภายในปีนี้
แต่ยอดรับรู้รายได้ปี 2550 อาจพลาดเป้า เนื่องจากการเลื่อนเปิดโครงการดังกล่าว |
| กลับขึ้นบน |
จันทรา สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | #4 วันที่: 09/07/2006 @ 14:00:46 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง... ไพร์ม เนเจอร์ฯ เป็นผู้ประกอบการอีกรายที่ปรับพอร์ตอสังหาฯ
โดยทุ่มงบ 1,000 ล้านซื้อสำนักงาน 2 แห่งในซีบีดี ...
สุนัทที เนื่องจำนงค์
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า จำกัด เปิดเผยว่า
จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และปัจจัยลบที่เกิดขึ้น
ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ จากเดิมจะเน้นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป
แต่ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนรายได้จากเช่า
โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนจะลงทุนพัฒนาโครงการอาคารสำนักงาน
แต่เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้าง และราคาค่าก่อสร้างมีความผันผวนมาก
อีกทั้ง การลงทุนซื้อที่ดินใหม่มาพัฒนานั้นต้องใช้ระยะเวลานาน
ทำให้บริษัทได้ปรับแผนมาซื้ออาคารสำนักงานเก่า
โดยล่าสุดได้ยื่นประมูลซื้ออาคารสำนักงานในย่าน ใจกลางธุรกิจ หรือซีบีดี
จำนวน 2 อาคาร ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กันเนื้อที่รวม 30,000 ตารางเมตร
จากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง โดยราคารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การซื้อดังกล่าวจะเป็นการซื้อสิทธิการเช่าระยะเวลา 20 ปี
แปลงแรกเป็นที่ดินของสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อีกแปลงเป็นของเจ้าของเดิม
อาคารดังกล่าวมีผู้เช่าอยู่แล้ว 90% ค่าเช่า 650 บาท/ตารางเมตร ซึ่งจะสรุปได้ภายใน 2 เดือน
หากชนะการประมูลคาดว่าจะสร้างรายได้เข้าบริษัท 120-150 ล้านบาท/ปี
ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน 15%
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะพัฒนาโรงแรมระดับหรู ในรูปแบบผสมผสานวิลล่า
ขนาดตั้งแต่ 95 ตารางเมตรขึ้นไป จำนวน 20-25 ยูนิต
โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุน 100-200 ล้านบาท
ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบ ร่วมกับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ โดยคาดลงมือก่อสร้างได้ช่วงปลายปี 2549
สำหรับโครงการไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า หัวหิน ในปี 2550
เตรียมเปิดคอนโดมิเนียมเฟสใหม่เพิ่ม โดยปรับแผนพัฒนาให้มียูนิตที่เล็กลงอีกเล็กน้อย
จากเดิมยูนิตเล็กสุดอยู่ที่ 175 ตารางเมตร จะเป็นขนาด 125 ตารางเมตร
ส่วนราคาขายยังคงเดิมคือเริ่มต้นที่ตารางเมตรละ 70,000 บาท
เนื่องจากมองว่าผู้บริโภคมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อต่อยูนิตลดลง |
| กลับขึ้นบน |
mr.w สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 490 | #5 วันที่: 10/07/2006 @ 15:29:23 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง... ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
ข่าวดีอีกแล้วหรือ นี่ |
| กลับขึ้นบน |
| |