May 4, 2024   12:36:22 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง...
 

??????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
วันที่: 09/07/2006 @ 13:38:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

**อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง ผวาการเมืองวุ่นปี50กระทบหนัก [/color:35902df241">[/size:35902df241">

ในสถานการณ์ที่ยังคงไร้รัฐบาล ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจ-ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบความเชื่อมั่น
ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายราย ต้องหันมาทบทวนแผนลงทุนด้วยการ... ถอยตั้งหลักใหม่
รอดูทีท่าก่อนตัดสินใจ พร้อมยอมรับว่าปี 2549 นี้ ยอดขายอาจทำไม่ได้ตามเป้า
และหาก 6 เดือนที่เหลือสถานการณ์ไม่คลี่คลาย ภาพรวมอสังหาฯในปี 2550 กระทบหนักแน่

ความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และนอกตลาดหลักทรัพย์
รวมทั้งบริษัทรับบริหารงานขาย-การตลาดอสังหาริมทรัพย์ ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า
ยอดขายบ้านชะลอตัว ยอดขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านของลูกค้าไม่ผ่านแบงก์
ทำให้เกิดผลพวงตามมา คือ ชะลอการขึ้นโครงการใหม่ ยืดระยะเวลาการก่อสร้าง
จากเดิมที่เคยทำสัญญาไว้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง 6-8 เดือนก็ขยายเป็น 10-12 เดือน

ขณะเดียวกันอาจมีการปรับแผน ลงมือสร้างเฉพาะหน่วยหรือแปลงที่ลูกค้าซื้อไปแล้ว
ต่างจากเดิมที่จะปูพรมก่อสร้างไปครั้งละมากๆ
ที่สำคัญบางบริษัท มีแผนจะปรับขนาดขององค์กร ปรับลดพนักงานลงด้วย
เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด เพื่อรักษาธุรกิจไว้ให้ได้
เนื่องจากทุกคนต่างไม่มั่นใจว่า ปี 2550 จะเกิดอะไรขึ้น

 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#1 วันที่: 09/07/2006 @ 13:42:10 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง...
มาสเตอร์กรุ๊ป..รอจังหวะลงทุน ..

ธนวร นิยม อดีตผู้บริหารจีเอฟ ซึ่งปัจจุบันเป็น ประธานที่ปรึกษากลุ่ม มาสเตอร์ กรุ๊ป ระบุว่า
ความเสี่ยงจากปัจจัยลบต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังมากขึ้นในการลงทุน
ซึ่งตามแผนมาสเตอร์ กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าจะลงทุนโครงการใหม่ 1-2 โครงการ
โดยอยู่ระหว่างศึกษาในรายละเอียดการลงทุนโครงการบ้านจัดสรรย่าน รังสิตคลอง 2
ขนาดเนื้อที่ 40 ไร่เศษ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 100 กว่าตารางเมตร
ขายราคา 1-2 ล้านบาท รวมมูลค่า 300-400 ล้านบาท

เราจะค่อยๆ ลงทุน ดูทุกอย่างให้มั่นใจ 100% แต่ไม่ได้จริงๆ ความชัวร์ 70% ก็พอรับได้
เพราะการทำธุรกิจบางครั้งไม่อาจรอให้มั่นใจเต็มร้อยได้เสมอไป
ธุรกิจต้องเดินหน้า แต่จะเดินอย่างไรให้ความเสี่ยงน้อยที่สุด ธนวร กล่าว

มาสเตอร์ กรุ๊ป ถือว่าโชคดี มีพันธมิตรทั้ง ฮาริสัน ที่รับบริหารงานขาย-การตลาด
และธนาคาร เช่น กรุงไทย นครหลวงไทย และเงินทุนแอดวานซ์ ซึ่งพันธมิตรเหล่านี้พร้อมให้ความเหลือ
ธนาคารเองมีแอสเสทในมือที่ต้องการคนช่วยนำออกมาพัฒนาสร้างมูลค่า
มาสเตอร์ กรุ๊ป พร้อมจะเข้าไปดำเนินการ ด้วยการซื้อทรัพย์จากแบงก์มาพัฒนาต่อ
หรือร่วมมือกับเจ้าของที่ดิน นำออกมาพัฒนา

ส่วนรูปแบบการลงทุน มาสเตอร์ กรุ๊ป จะรับหน้าที่เป็นผู้บริหาร
ซึ่งที่ผ่านมาได้นำที่ดินเปล่าของ บริษัท รังสิยา อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด
ย่านศรีนครินทร์ เนื้อที่กว่า 9 ไร่ ออกมาพัฒนาโดยปรับรูปแบบขนาดที่ดินให้เล็กลง
เหมาะกับสภาพตลาด ดำเนินการภายใต้ชื่อ มาสเตอร์ ไพรเวท ศรีนครินทร์
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#2 วันที่: 09/07/2006 @ 13:47:27 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง...
นอกจากนี้ มาสเตอร์ กรุ๊ป ยังมีโครงการที่ดำเนินการอยู่อีก 3 โครงการ คือ

1.โครงการ เดอะมาสเตอร์ เซ็นเธรี่ยม มูลค่าโครงการรวม 800 ล้านบาท
เป็นคอนโดมิเนียมหรู ย่านอโศก-สุขุมวิท พื้นที่เกือบ 2 ไร่
โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท โกรว์อิง อินฟินิตี้
มีแหล่งเงินทุนจากธนาคารกรุงไทย รูปแบบของโครงการเน้นความเป็นส่วนตัว
จำนวนห้อง 79 ยูนิต ขนาด 53-455 ตารางเมตร
ราคาขายอยู่ระหว่าง 3.5-30 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 70,000 บาทต่อตารางเมตร
เป็นระดับราคาที่ใกล้เคียงกับโครงการ ซิตี้ รีสอร์ท ที่ซอยอโศก 11
จำนวน 150 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 42%

2.โครงการ เดอะมาสเตอร์สาทร เอ็กเซ็กคิวทีฟ
ดำเนินการภายใต้ บริษัท นีโอ แคปปิตอล จำกัด ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่
พัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 199 ยูนิต มูลค่าเกือบ 700 ล้านบาท
ปัจจุบันขายเกือบหมดแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า

3.โครงการ เดอะมาสเตอร์ มณฑธารา
ดำเนินการภายใต้ บริษัท เพาเวอร์พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
พัฒนาบนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 214 ยูนิต
มูลค่ารวมเกือบ 700 ล้านบาท มียอดขายกว่า 42% และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

4.โครงการ เดอะ มาสเตอร์ รอยัล สวนหลวง ร.9
ดำเนินการภายใต้ บริษัท แคปปิตอล ทาวน์ จำกัด พัฒนาบนเนื้อที่ 12 ไร่
พัฒนาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ชั้น จำนวน 200 ยูนิต ปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 60-70 ยูนิต

เหตุผลที่ต้องแยกบริษัทดูแลแต่ละโครงการ ธนวร กล่าวว่า
เพื่อความคล่องตัวในการบริหารกิจการ และง่ายต่อการทำธุรกิจ
ซึ่งแต่ละแบรนด์ จะมีการทำโครงการที่แตกต่างกัน
กำหนดราคาสินค้ารองรับกลุ่มลูกค้าแต่ละพื้นที่ เช่น โครงการที่อโศก มีราคาแพงที่สุด
รองลงมาเป็นโครงการย่านพระราม 3 ย่านสาทร และสวนหลวง


ทั้งนี้ หากต้องพัฒนาโครงการใหม่ จะมีการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาดูแล
แต่จะเน้นส่งเสริมการใช้แบรนด์ เดอะ มาสเตอร์
เพื่อผลักดันให้เป็นตราสินค้า และสร้างชื่อให้ประชาชนรู้จักมากขึ้น
ปัจจุบันกลุ่มมาสเตอร์ กรุ๊ป มีสินทรัพย์ประมาณ 3,000 ล้านบาท

ปีนี้หลายๆ บริษัทคงเอาตัวรอดได้ในแง่ยอดขาย ส่วนกำไรคงต้องลดลง
ส่วนปีหน้าเป็นเรื่องยากที่จะระบุได้ชัดว่า อสังหาฯจะเป็นอย่างไร
แต่ก็เชื่อว่าทุกๆ บริษัทจะต้องทำงานหนัก เพื่อหาทางรักษาผลประกอบการไว้... ธนวร กล่าว
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#3 วันที่: 09/07/2006 @ 13:53:09 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง...
คำกล่าวนี้สอดคล้องกับ ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด(มหาชน) ที่ระบุว่า
ปริญสิริปรับแผนเลื่อนเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท
เพราะมองว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ได้รับผลกระทบ ทั้งจากการเมือง
ภาพรวมเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ
ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2549 ปริญสิริต้องเลื่อนการเปิดตัวโครงการออกไปอีกทุกไตรมาส
จากแผนเปิดตัวใหม่ทั้ง 2 ส่วนคือ จากปริญสิริ
และบริษัทร่วมทุนคือ ปริญเวนเจอร์ 12 โครงการ มูลค่ารวม กว่า 8,000 ล้านบาท

สาเหตุสำคัญของการเลื่อนเปิดโครงการมาจาก ปัญหาความไม่นิ่งของการเมือง
การชะลอตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และภาวะอัตราดอกเบี้ย
ที่บริษัทต้องนำมาพิจารณาวางแผนผลิตสินค้า
ในระดับราคาที่ตรงกับกำลังซื้อ และต้องจัดเตรียมหาสถาบันการเงินไว้รองรับ

นอกจากการเลื่อนการเปิดโครงการแล้ว
บริษัทยังชะลอแผนร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ หลังเศรษฐกิจส่อแววไม่ดี
ซึ่งมีผลต่อการกำลังซื้อของประชาชนด้วย
ปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เอื้อทำให้บริษัทไม่มีแผนระดมเงินเพิ่ม
รวมทั้งชะลอแผนจัดซื้อ ที่ดินใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ด้วย

นอกจากนี้ ยังปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ โดยหันมาสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย 100%
พร้อมดึงแบงก์ร่วมเป็นพันธมิตร จัดแพ็คเกจการเงินมากระตุ้นกำลังซื้อ
โดยบริษัทมีบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
เพื่อนำเข้าแพ็คเกจการเงินได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2549 นี้อีก 50 หน่วย
ส่วนรายละเอียดแพ็คเกจอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ
การยืดเวลาการชำระเงินค่างวด โดยแบงก์ที่พร้อมสนับสนุนแคมเปญ
ประกอบด้วย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กสิกรไทย

โครงการที่เลื่อนเปิดตัว ได้แก่ โครงการของบริษัทปริญสิริ ที่จะเปิดไตรมาส 2 ปีนี้
6 โครงการจำนวน 1,698 หน่วยมูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท
ได้เลื่อนเปิด 3 โครงการ จากไตรมาส 2 เป็นไตรมาส 3

และอีก 3 โครงการที่จะเปิดตัวไตรมาส 3 ต้องเลื่อนเป็นไตรมาส 4 ได้แก่
โครงการปริญญดา พุทธมณฑล สาย 2 บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 87 ยูนิต มูลค่า 699 ล้านบาท,
โครงการ ปริญญดา เกษตร-นวมินทร์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 160 ยูนิต มูลค่า 872 ล้าน บาท
และโครงการปริญลักษณ์ วงแหวน-สาทร 135 ยูนิต มูลค่า 418 ล้านบาท

โครงการที่จะเปิดในไตรมาส 4 อาจต้องเลื่อนไปไตรมาส 1 ปี 2550 ได้แก่
โครงการ เอกชัย -บางบอน ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 202 ยูนิต มูลค่า 691 ล้านบาท,
ปริญลักษณ์ เพชรเกษม -บางบอน 3 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 257 ยูนิต มูลค่า 824 ล้านบาท,
คอนโดมิเนียม ราชปรารภ 3 อาคารสูง 33 ชั้น 547 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท,
คอนโดฯ ถ.จันทร์- นราธิวาส 300 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเลื่อนเปิดโครงการในบริษัทร่วมทุน คือ ปริญเวนเจอร์ ที่ปริญสิริ ถือหุ้น 51%
มี 5 โครงการที่เดิมจะเปิดในไตรมาส2 ต้องเลื่อนไปเปิดไตรมาส 3-4
และ ไตรมาส 1 ปี 2550 812 ยูนิต มูลค่ากว่า 2,460 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในปี 2549 นี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้า 3,000 ล้านบาท
เนื่องจากมียอดขายบ้านที่รอส่งมอบให้ลูกค้า 2,500 ล้านบาท
ได้โอนและส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว 1,000 ล้านบาท
ที่เหลือ 1,500 ล้านบาทจะส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ที่เหลือยอดรับรู้รายได้อีก 500 ล้านบาทภายในปีนี้
แต่ยอดรับรู้รายได้ปี 2550 อาจพลาดเป้า เนื่องจากการเลื่อนเปิดโครงการดังกล่าว
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#4 วันที่: 09/07/2006 @ 14:00:46 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง...
ไพร์ม เนเจอร์ฯ เป็นผู้ประกอบการอีกรายที่ปรับพอร์ตอสังหาฯ
โดยทุ่มงบ 1,000 ล้านซื้อสำนักงาน 2 แห่งในซีบีดี ...

สุนัทที เนื่องจำนงค์
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า จำกัด เปิดเผยว่า
จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และปัจจัยลบที่เกิดขึ้น
ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ จากเดิมจะเน้นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป
แต่ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนรายได้จากเช่า
โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนจะลงทุนพัฒนาโครงการอาคารสำนักงาน
แต่เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้าง และราคาค่าก่อสร้างมีความผันผวนมาก
อีกทั้ง การลงทุนซื้อที่ดินใหม่มาพัฒนานั้นต้องใช้ระยะเวลานาน
ทำให้บริษัทได้ปรับแผนมาซื้ออาคารสำนักงานเก่า

โดยล่าสุดได้ยื่นประมูลซื้ออาคารสำนักงานในย่าน ใจกลางธุรกิจ หรือซีบีดี
จำนวน 2 อาคาร ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กันเนื้อที่รวม 30,000 ตารางเมตร
จากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง โดยราคารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การซื้อดังกล่าวจะเป็นการซื้อสิทธิการเช่าระยะเวลา 20 ปี
แปลงแรกเป็นที่ดินของสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อีกแปลงเป็นของเจ้าของเดิม
อาคารดังกล่าวมีผู้เช่าอยู่แล้ว 90% ค่าเช่า 650 บาท/ตารางเมตร ซึ่งจะสรุปได้ภายใน 2 เดือน
หากชนะการประมูลคาดว่าจะสร้างรายได้เข้าบริษัท 120-150 ล้านบาท/ปี
ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน 15%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะพัฒนาโรงแรมระดับหรู ในรูปแบบผสมผสานวิลล่า
ขนาดตั้งแต่ 95 ตารางเมตรขึ้นไป จำนวน 20-25 ยูนิต
โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุน 100-200 ล้านบาท
ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบ ร่วมกับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ โดยคาดลงมือก่อสร้างได้ช่วงปลายปี 2549

สำหรับโครงการไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า หัวหิน ในปี 2550
เตรียมเปิดคอนโดมิเนียมเฟสใหม่เพิ่ม โดยปรับแผนพัฒนาให้มียูนิตที่เล็กลงอีกเล็กน้อย
จากเดิมยูนิตเล็กสุดอยู่ที่ 175 ตารางเมตร จะเป็นขนาด 125 ตารางเมตร
ส่วนราคาขายยังคงเดิมคือเริ่มต้นที่ตารางเมตรละ 70,000 บาท
เนื่องจากมองว่าผู้บริโภคมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อต่อยูนิตลดลง
 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#5 วันที่: 10/07/2006 @ 15:29:23 : re: อสังหาฯปรับแผนลงทุนลดเสี่ยง...
ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3

ข่าวดีอีกแล้วหรือ นี่
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com