May 3, 2024   11:38:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เศรษฐกิจน่ารู้
 

??????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
วันที่: 12/07/2006 @ 13:11:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในวันจันทร์
ซึ่งเป็นวันแรกของสัปดาห์ ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการเมื่อวานนี้
นักลงทุนยังชะลอการลงทุน สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่มีความผันผวน
ประกอบกับประเด็นทางการเมืองที่เริ่มเข้ามาเป็นปัจจัยลบ
ส่งผลนักลงทุนเน้นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น เก็งกำไรเพื่อลดความเสี่ยง
ส่งผลให้ดัชนีปรับลดลง 1.56 จุด ปิดที่ 684.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,000 ล้านบาท

ในส่วนของค่าเงินบาท ในวันจันทร์ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ค่อนข้างทรงตัว
เนื่องจากตลาดยังรอผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น
ในเรื่องของนโยบายอัตราดอกเบี้ย ที่จะมีการประชุมปลายสัปดาห์นี้ ทำให้ตลาดยังนิ่งอยู่
โดยเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.86 บาทต่อดอลลาร์

ช่วงนี้ มาต่อกันที่เรื่องราวทางด้านเศรษฐกิจ ที่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีปัญหาหลายด้าน
ที่สำคัญก็คือเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
และล่าสุดสูงเกินกว่า 75 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว
ส่งผลให้ต้นทุนในกระบวนการผลิตเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ
จนทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องใช้มาตราการอัตราดอกเบี้ยเข้ามาดูแล
เพื่อลดความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อ...

นอกจากปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาเงินเฟ้อ และเรื่องของอัตราดอกเบี้ยแล้ว
ยังมาถึงเรื่องของค่าเงิน ที่มีการปรับแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย
ส่วนปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ยิ่งทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน
การที่รัฐบาลยังเป็นรัฐบาลรักษาการ และการเลือกตั้งก็ยังไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจยิ่งมีน้อยลง

สำหรับราคาน้ำมันนั้น ยังมีแนวโน้มว่า จะปรับขึ้นต่อเนื่องอีก
เนื่องจากมีการคาดการณ์ ว่า จะเกิดพายุเฮอริเคนบริเวณอ่าวเม็กซิโก ของสหรัฐอเมริกา
ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนปีนี้ ถึง 11 ลูก จากปีที่ผ่านมา ที่เกิดพายุเฮอริเคนเพียง 3 ลูก
แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก จนต้องหยุดทำการผลิตนานเป็นเดือน
ซึ่งปัญหาราคาน้ำมันก็คงไม่จบลงง่ายๆ

ต่อไปถึงปัญหาเงินเฟ้อ และการควบคุมเงินเฟ้อ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย
ซึ่งทุกประเทศจะใช้มาตรการนี้ ในการดูแลเงินเฟ้อ
เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันหลายครั้ง
และเมื่อมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สิ่งที่ตามมาก็คือเม็ดเงินจากที่ต่างๆ
จะไหลไปยังที่ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
ซึ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
หลายประเทศก็จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม รวมทั้งไทยด้วย
เพื่อไม่ให้เกิดช่องห่างของอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป
และในวันที่ 19 กรกฏาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ต้องติดตาม ว่า ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเช่นไร
นอกจากไทย จะต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ แล้ว
ยังต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี
ไม่ว่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่น หรือ จีน

ในส่วนของญี่ปุ่นนั้น หลายปีที่ผ่านมา ได้คงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่สุดมาเป็นเวลานาน
และขณะนี้ เศรษฐกิจกำลังมีการขยายตัว เป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ คงต้องติดตามสาธารณรัฐประชาชนจีน
ที่มีการปรับเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน เป็นระบบตระกร้าเงิน มาครบ 1 ปีในเดือนกรกฏาคมนี้
สำหรับเศรษฐกิจของไทย ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ก็ยังมีความหวังจากเรื่องของการส่งออก
และเรื่องของการท่องเที่ยว ก็ต้องรอดูว่า มาตรการต่างๆ ที่จะมาช่วยกระตุ้นในสองเรื่องนี้จะมีอย่างไรบ้าง



ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์[/color:859ef2a9d0">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com