ต่างชาติขายทำกำไรต่อเนื่อง ไม่มั่นใจสถานการณ์ใน-นอกประเทศ ประเมินแนวโน้มดัชนีผันผวน ในกรอบ 660 - 680 จุด เผยสัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ขาลง สัปดาห์นี้จับตา ธปท.ประชุมดอกเบี้ย 19 ก.ค. ส่วนค่าบาท คาดอ่อนลงช่วง 38.00 - 38.50 บาท

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แอ็ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้น (17 ก.ค.) ว่า คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงถูกปกคลุมด้วยปัจจัยต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ดัชนีไปไหนไม่ได้ไกล คาดจะยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ในกรอบ 655-670 จุด

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการร์ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ยังมีท่าทีว่าจะลดความรุนแรงลดลง เป็นตัวแปรหลักที่จะทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลกปรับตัวลง และสถานการณ์ทางเมืองในประเทศที่ยังคงร้อนระอุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาประเด็นยุบพรรคการเมือง เป็นต้น ขณะเดียวกันในสัปดาห์จะมีการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร อาจจะส่งผลให้กลุ่มกลุ่มธนาคารและหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้น ส่วนทิศทางของนักลงทุนต่างประเทศนั้น มองว่านักลงทุนต่างประเทศคงจะชะลอการลงทุนลง เนื่องจากรอดูสถานการณ์ต่างๆ ก่อน

นักลงทุนต่างชาติชะลอลงทุน

นายวรุฒม์ ศิวะศิริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) หรือ GBX ประเมินตลาดหุ้นว่า ทิศทางจะปรับตัวลง เนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกัน ก็ยังมีประเด็นเรื่องของสถานการณ์ทางเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนและอุณหภูมิทางการเมือง ที่จะยุบหรือไม่ยุบพรรคการเมือง

คาดว่ากรอบของดัชนีจะอยู่ที่ 640-660 จุด ส่วนทิศทางของนักลงทุนต่างประเทศนั้น คาดว่านักลงทุนต่างประเทศอาจจะเริ่มชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากรอดูเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร

เทคนิคเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าทิศทางดัชนีหุ้นไทยได้เปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง และนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มซื้อสุทธิลดลง รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และปัญหาทางการเมืองในประเทศ โดยคาดว่าดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 660 - 680 จุด สำหรับมูลค่าการซื้อขายคาดว่าจะอยู่ในระดับเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังไม่มั่นใจทิศทางของตลาด รวมถึงรอดูผลการประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. และการประกาศตัวเลขดุลการค้าในเดือน มิ.ย. ของกระทรวงพาณิชย์ ที่คาดว่าจะขาดดุลต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์การลงทุนทางเทคนิคในสัปดาห์นี้ คือการเข้าซื้อลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีผลประกอบการที่ดี สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ คือกลุ่มโตรเคมี (ATC,PTTCH,TPC,BANPU) กลุ่มพลังงาน (PTT,PTTEP,TOP) และกลุ่มเหล็ก(SSI , GSTEEL , MS) เป็นต้น

ประเมินบาทแกว่ง38.00 - 38.50

ด้านค่าเงินบาท มองว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเคลื่อนไหวที่ระดับ 38.00 - 38.50 บาท/ดอลลาร์ เนื่องเงินบาทจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และเศรษฐกิจเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทะยานเหนือ 78 ดอลลาร์/บาร์เรล ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศยังขาดความชัดเจน อย่างไรก็ตามดอลลาร์ก็อาจถูกกดดันจากปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลางจากประเด็นนิวเคลียร์ของอิหร่าน ประเด็นอิสราเอลทำการปิดกั้นท่าเรือของเลบานอนและโจมตีสนามบินเบรุต รวมถึงความล้มเหลวในการเจรจานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ

จับตาสัปดาห์นี้ประชุม กนง.19 ก.ค.

ในสัปดาห์นี้คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยจะมีการประชุมในวันพุธที่ 19 กรกฎาคม เพื่อพิจารณาภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มเพื่อกำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน จาก 4.75% เป็น 5.00% ต่อปี และประเมินว่าหากไม่มีเหตุการณ์ที่นอกเหนือจากความคาดหมายโดยเฉพาะการเร่งตัวอย่างต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับดังกล่าวน่าจะเหมาะสมต่อการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่จะเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ดังนั้น จากการที่อัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2549 ลดลงมาอยู่ที่ 5.9% เทียบกับในเดือนพฤษภาคม 2549 ซึ่งอยู่ที่ 6.2% ประกอบกับการที่มีกระแสเงินทุนไหลเข้าประเทศไทยจากภาวะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลง สำนักวิจัย จึงคาดว่ามีความเป็นได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะสะท้อนทิศทางการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนสัปดาห์นี้

ที่มา นสพ.กระแสหุ้น[/color:64931980a5">

.0008