GSTEELตั้งราคา1.60แลกNSM
--------------------------------------------------------------------------------

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จับตา ไม้เด็ดที่รอวันประทุ กรณี GSTEEL เข้าซื้อสิทธิเจ้าหนี้เงินกู้ยืมที่สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ NSM จำนวน 180 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยจ่ายเป็นเงิน จำนวน 120 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และจัดสรรเป็นหุ้นสามัญของ GSTEEL ประมาณ 60 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดย GSTEEL จะจัดสรรหุ้นสามัญ ให้แก่ On City Holdings Limited ด้วยการเสนอขายหุ้นที่ราคากำหนดตามราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วง 15 วันทำการก่อนวันที่จัดสรรหุ้นให้แก่ On City Holdings ล่าสุดแหล่งข่าวบนโต๊ะเจรจา เพื่อกำหนดราคาหุ้น GSTEEL จำนวน 60 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ มีสัญญาณออกมาว่า จะเคาะที่ราคา 1.60 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คาดไม่เกินต้นเดือนสิงหาคมนี้ จะสามารถแจ้งรายละเอียดอย่างเป็นทางการได้ ด้านบทวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย และบล.ไซรัส มองราคาหุ้นในกระดานร่วงลงต่ำกว่าราคาเหมาะสมที่ 1.20-1.56 บาท และ?ซื้อ? ส่วนบล. ซิกโก้ ปรับคำแนะนำจาก?ถือ? เป็น ?ซื้อ? ให้ราคาเหมาะสม 1.28 บาท ประเมินแนวโน้มทำกำไรดีขึ้นจากการเป็นพันธมิตรกับ NSM ช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองในการจัดซื้อวัตถุดิบ
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GSTEEL วานนี้(19ก.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 1.02 บาท และปิดตลาดทรงตัวที่ 1.01 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 48 ล้านบาท
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ระบุว่า ถึงแม้ราคาหุ้น GSTEEL จะปรับตัวลดลงกว่า 20% เนื่องจากความกังวลจาก Dilution Effect ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้น แต่ SCIS คาดว่า การเป็นพันธมิตรร่วมกับ NSM และแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงจะช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานของ GSTEEL ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับราคาหุ้นในปัจจุบันเทรดอยู่ที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมในปี 2549 เท่า กับ 1.56 บาทต่อหุ้น และคงคำแนะนำ ?ซื้อ??
ทั้งนี้คาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2549 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดเมื่อเปรียบเทียบ
ไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาขายในไตรมาส 2/2549 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% เป็น 17.80 บาท ต่อกิโลกรัมจาก 16.14 บาทต่อกิโลกรัม ในไตรมาส 1/2549
ฝ่ายวิจัยมองว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะแข็งแกร่ง จากการเป็นพันธมิตรร่วมกับ NSM เนื่องจาก
GSTEEL และ NSM มีกระบวนการผลิตที่มีความคล้ายคลึงกัน ทำให้สามารถกำหนดสายการผลิตไม่ให้มีความซ้ำซ้อนส่งผลต่อเนื่องให้อัตราการใช้กำลังการผลิตในอนาคตของ GSTEEL จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 5-10% จากระดับปัจจุบันที่ 78%
นอกจากนี้การจัดซื้อวัตถุดิบร่วมกันในปริมาณที่มากขึ้น จะช่วยลดต้นทุนในการจัดซื้อวัตถุดิบ จะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการวัตถุดิบและการขนส่ง และช่วยให้ผลการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2549 ปรับเพิ่มขึ้น 68% จากไตรมาสก่อน และคาดว่ากำไรสุทธิของ GSTEEL ในไตรมาส 2/2549 จะเติบโตเมื่อเทียบกับ ไตรมาส1/2549 เป็น 509 ล้านบาท โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากรายได้ในไตรมาส 2/2549 ขยับขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนเป็น 4,663 ล้านบาท จากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มจาก 16.14 บาท ต่อกิโลกรัม ในไตรมาส 1/2549 เป็น 17.8 บาทต่อกิโลกรัม ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาในตลาดโลก
บล.ไซรัสมองราคาหุ้นต่ำน่าซื้อ
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด(มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/2549 ของ GSTEEL จะออกมาดีมาก เนื่องจากราคาขายที่พุ่งสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังคงที่ โดยคาดว่าGSTEEL จะมีกำไรสุทธิถึง 509.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าจากไตรมาสก่อน
ด้านผู้บริหารเชื่อว่าในไตรมาส 3/2549 แนวโน้มการทำกำไรจะยิ่งดีขึ้น เพราะราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ 19.00 ? 20.00 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าในไตรมาส 2/49 ขณะที่ราคา Scrap แม้จะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่มากและไม่ผันผวนเท่ากับ Slab นอกจากนี้ ผู้บริหารยังมองว่าสถานการณ์ราคาเหล็กในช่วงที่เหลือของปี น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันได้
ฝ่ายวิจัยมองประโยชน์ที่จะได้จากการร่วมมือกันจะส่งผลดีในระยะยาว แต่ในระยะสั้น ผู้ถือหุ้นของ GSTEEL จะได้รับผลกระทบในทางลบก่อนจาก Dilution Effect ที่22.70% และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากเงินกู้ที่เพิ่ม
ขณะที่ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดราคาเป้าหมายในปีนี้ลงเป็น 1.20 บาท แต่ราคาหุ้นก็ได้ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่บริษัทประกาศซื้อหนี้จากเจ้าหนี้ของ NSM จนปัจจุบันราคาหุ้นมีส่วนต่างจากเป้าหมาย 18.80% จึงเปลี่ยนคำแนะนำจากเดิม ?ขาย? เป็น ?ซื้อ? แต่นักลงทุนควรระมัดระวังและติดตามการลงทุนหุ้นกลุ่มเหล็กเป็นพิเศษเพราะสถานการณ์ราคาเหล็กมีความผันผวนอย่างมาก
NSMช่วยหนุนกำไรดีขึ้น
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด(มหาชน) มองแนวโน้มกำไรของ GSTEEL จะดีขึ้นจากการเป็นพันธมิตรกับ NSM เพราะจะเกิดประโยชน์ต่อบริษัทอย่างมากในด้านของการ จัดซื้อวัตถุดิบ โดยบริษัทจะสามารถเพิ่มอำนาจต่อรองด้านราคาวัตถุดิบได้ มากขึ้น และคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้จากการร่วมกัน หากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อก่อให้เกิดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำที่สุด นอกจากนี้ ราคาขายเฉลี่ยของบริษัทก็จะปรับตัวดีขึ้น
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา NSM จะขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งซึ่งเกิดจาก การที่บริษัทขาดสภาพคล่อง ลูกค้าจึงมีอำนาจในการต่อรองมาก ทำให้ GSTEEL ไม่สามารถที่จะขายสินค้าในราคาที่ใกล้เคียงตลาดโลกได้ เพราะลูกค้า จะหันไปซื้อสินค้ากับ NSM แต่ในอนาคตหลังจากที่ NSM มีสภาพคล่องที่ดีขึ้น จะช่วยให้ NSM สามารถกำหนดราคาขายที่อิงกับตลาดโลกได้มากขึ้น และ ช่วยให้ GSTEEL สามารถขายในราคาที่ใกล้เคียงกับตลาดโลกได้เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันส่วนต่างระหว่างราคาในตลาดโลกกับราคาเฉลี่ยของบริษัท ประมาณ 30 เหรียญสหรัฐต่อตัน
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น บริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบจากการเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,200 ล้านหุ้น ในเบื้องต้น ฝ่ายวิจัยประมาณการว่าบริษัทจะทำการเพิ่มทุนจำนวน 1,974 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ1.22 บาท และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินจากสถาบัน การเงินจำนวน 120 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกเหนือไปจากอัตราดอกเบี้ยใน ส่วนของหุ้นกู้จำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ดังนั้นปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ และประเมินราคาเหมาะสมของGSTEEL ที่ 1.28 บาท อิงค่าพี/อี ที่ 8 เท่า ซึ่งจากระดับราคา ปัจจุบันมีส่วนต่างที่ระดับ 32.0% และยังมีผลอตบแทนจากเงินปันผลที่ระดับ8.0% คิดเป็นผลตอบแทนรวมสูงถึง 40%

ที่มา / นสพ.ทันหุ้น

.0005 ขอบคุณครับ ร