P_aud
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531 |  วันที่: 20/07/2006 @ 21:24:49 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ทุนการเมืองควงขาใหญ่รายเดิมไล่ปั่นหุ้นสนุกมือได้ใจหลังผู้บริหารตลาดฯคนใหม่ไม่กล้าห้ามเน็ตและมาร์จิ้น ฉวยจังหวะตลาดซบ วอลุ่มบาง ดันหุ้นฉาวติดกระดานโมสต์แอ็กทีฟ สลอน ทั้ง EVER IEC MME SINGHA ราคาพุ่งกระฉูดสวนดัชนีตลาด ด้านโบรกชี้ตลาดหงอเกินไป ไม่กล้าออกมาตรการลงโทษ หลังโดนไออีซีฟ้องและกลัวทำหุ้นซบหนักกว่าเดิม แนะหามาตรการใหม่คุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(19 ก.ค.)กลุ่มทุนการเมืองร่วมมือกับนักลงทุนรายใหญ่ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมที่เคยเข้ามาไล่ปั่นหุ้นในตลาดก่อนหน้านี้ เข้ามาปั่นหุ้นอีกครั้งโดยฉวยจังหวะที่ภาวะตลาดหุ้นซบเซา มูลค่าการซื้อขายเบาบาง นักลงทุนหมดสตอรี่เล่น ดันหุ้นขึ้นมาเพื่อล่อให้รายย่อยไล่ตาม ส่งผลให้บรรดาหุ้นฉาวที่เคยถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)จับตาใกล้ชิด ทั้ง EVER IEC MME SINGHA EWC และ EWC-W1 กลับมาซื้อขายคึกคักอย่างผิดสังเกตอีกครั้ง โดยมีมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)ติดกลุ่มหุ้นที่มีวอลุ่มสูงสุดของวัน ขณะที่ราคาหุ้นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงสวนทางดัชนีตลาดที่ทรงตัวอยู่ในแดนบวก
สาเหตุที่นักลงทุนกลุ่มนี้เลือกที่จะดันราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าว เป็นเพราะมีหุ้นเหล่านี้อยู่ในมืออยู่แล้วจากการเข้ามาไล่ราคาในครั้งก่อน ดังนั้นจึงสามารถนำหุ้นที่มีอยู่โยนไปมาระหว่างกันได้ รวมทั้งสามารถไล่ทุบราคาหุ้นที่ถืออยู่ก็ได้
สำหรับวานนี้หุ้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงสุดคือ EVER ซึ่งราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.95 บาท มาปิดที่ 8.90 บาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 28.058% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 397.685 ล้านบาท ติดอันดับ 3 ของหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดของวัน ขณะที่ IEC ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.18 บาท เพิ่มขึ้น 8.108% โดยมาปิดที่ 2.40 บาท และในระหว่างวันราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 2.44 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 340.465 ล้านบาท ติดอันดับ 4 ของหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดของวัน
ส่วน MME ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.25 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 19.531% มาปิดที่7.65 บาท และในระหว่างวันราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 7.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 156.491 ล้านบาท ติดอันดับ 14 ของหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด ด้าน SINGHA แม้ราคาจะเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่วอลุ่มค่อนข้างหนาแน่น โดยราคาเพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.086% มาปิดที่ 3.34 บาท ในระหว่างวันราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 3.48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110.287 ล้านบาท ติดอันดับ 19 ของหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดของวัน
ขณะที่ EWC ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6.757% มาปิดที่ 7.90บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60.154 ล้านบาท และ EWC-W1 ราคาเพิ่มขึ้น 0.48 บาทหรือเพิ่มขึ้น 16% มาปิดที่ 3.48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 10.394 ล้านบาท
ด้านแหล่งข่าววงการโบรกเกอร์รายหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่วานนี้ราคาหุ้นเก็งกำไรปรับตัวขึ้นแบบยกแผง ส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อของผู้ลงทุนว่าตลาดหลักทรัพย์ไม่กล้าเข้ามาดำเนินนโยบายอะไรกับหุ้นเก็งกำไรในช่วงนี้ โดยเฉพาะหลังจากถูกดำเนินการฟ้องร้องโดยบริษัทไออีซี เกี่ยวกับการใช้มาตรการห้ามซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้ในหุ้นตัวเดียวกันวันเดียวกัน(เน็ทเซ็ทเทิ้ลเม้นท์) และห้ามโบรกเกอร์ให้วงเงินกู้ยืมในการซื้อขายหุ้น(มาร์จิ้นเทรดดิ้ง) ส่งผลให้นักลงทุนกล้าเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันมากขึ้น
เริ่มมีกระแสพูดถึงการดำเนินนโยบายของตลาดหลักทรัพย์แล้วว่า ไม่กล้าเข้ามาทำอะไรมากในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะทางตลาดหลักทรัพย์อยากสู้คดีความกับทาง ไออีซีเกี่ยวกับการใช้มาตรการห้ามเน็ทเซ็ทเทิ้ลเม้นท์และมาร์จิ้นเทรดดิ้งให้เรียบร้อยก่อน รวมทั้งที่ผ่านมาวอลุ่มในตลาดหุ้นซบเซาลงมาก ถ้าดำเนินนโยบายอะไรแล้วทำให้ราคาหุ้นลงแรงอาจถูกต่อว่าจากผู้ลงทุนได้ ทำให้นักลงทุนทั้งรายเล็กรายใหญ่กล้าเข้ามาเล่นในหุ้นเก็งกำไรอย่างเต็มที่แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตามมองว่าปัจจุบันมาตรการห้ามเน็ทเซ็ทเทิ้ลเม้นท์และมาร์จิ้นเทรดดิ้งเริ่มใช้กับหุ้นเก็งกำไรไม่ได้ผลแล้ว ตรงกันข้ามกลับเป็นเครื่องมือหนุนผู้ลงทุนรายใหญ่ที่หวังผลทางราคาหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย เพราะการสั่งห้ามเน็ทเซ็ทเทิ้ลเม้นท์เป็นการตอกย้ำว่าราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจะไม่ถูกเทขายออกมาโดยนักเล่นเก็งกำไรแบบเน็ทเซ็ทเทิ้ลเม้นท์ ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีแรงเทขายออกมา
ส่วนการสั่งห้ามซื้อขายแบบมาร์จิ้นเทรดดิ้งก็เป็นการกลั่นกรองว่านักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นเป็นผู้ที่มีเงินลงทุนจริง ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้กล้าที่จะถือครองหุ้นไว้ยาวหน่อย การไล่ราคาหุ้นจึงทำได้มากขึ้น จึงอยากให้ตลาดหลักทรัพย์หาแนวทางอื่นเพิ่มเติมในการดูแลหุ้นเก็งกำไร
ใช้มาตราการเหล่านี้อาจทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยตกใจเทขายหุ้นออกมา ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของรายใหญ่ในการเข้าไปเก็บหุ้นราคาถูก เพราะเมื่อผ่านไปซักพักการซื้อขายก็จะกลับเข้าสู่ปกติ คราวนี้พอจะไล่ราคาหุ้นก็ง่ายขึ้นไม่ต้องกลัวว่าจะมีแรงขายออกมาจากการเล่นเน็ทเซ็ทเทิ้ลเม้นท์ด้วย ยิ่งเมื่อมาตรการเหล่านี้ครบอายุหุ้นก็กลับมาวิ่งใหม่ และตลาดหลักทรัพย์ก็ใช้วิธีเดิม ซึ่งมันเริ่มไม่ได้ผลแล้ว จึงอยากให้หามาตรการใหม่มาลองใช้ดูบ้างแหล่งข่าวกล่าว
ที่มา:
ข่าวหุ้น [/color:c672a6afc5">
|
